วิธีทำปลาร้า เก็บไว้ได้นานหลายปี ไม่เสีย หอมนัว บอก

การทำปลาร้าเป็นศิลาที่นับถือมากในวงการอาหารไทย ปลาร้าหอมนัวเป็นส่วนหนึ่งของความอร่อยในเมนูหลากหลาย วันนี้เราจะแชร์วิธีทำปลาร้าเพื่อให้คุณเก็บไว้นานหลายปีโดยไม่เสียความหอมหวานของมัน มาดูกันว่าเคล็ดลับในการทำปลาร้านี้คืออะไรบ้าง

วิธีทำปลาร้า ปลารวม สูตรนี้ทำขายจริง เก็บไว้ได้นานหลายปี ไม่เสีย หอมนัว บอกละเอียดไม่กั๊กสูตร [VIDEO]

เนื้อปลา ล้างทำความสะอาดแล้ว 1.5 กิโลกรัม
เกลือเม็ดตำละเอียด 350 กรัม
ข้าวไหม้ 5 ทัพพี
(สัดส่วนเพิ่มตาม จำนวนเนื้อปลา)

วิธีเลือกปลาที่ดี

การทำปลาร้าสูตรดั้งเดิม | รักบ้านเกิด

การเลือกปลาที่ดีเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการทำปลาร้าที่อร่อยและหอมนัว เรามาดูวิธีเลือกปลาที่ดีในรายละเอียดดังนี้:

  1. เลือกปลาสด: การเริ่มต้นด้วยปลาที่สดคือสิ่งสำคัญที่สุด เลือกปลาที่ไม่มีกลิ่นเหม็นหรือความเน่าเสีย ปลาที่สดมักจะมีสีสดใสและตามมาด้วยลักษณะสีด้านในที่ชัดเจน
  2. เลือกปลาที่มีคุณภาพดี: คุณภาพของปลามีผลกับรสชาติและกลิ่นของปลาร้า หากเลือกปลาที่มีคุณภาพดี เช่นปลาทูน่าหรือปลากระป๋องขนาดใหญ่ จะทำให้ปลาร้าที่ทำขึ้นมีรสชาติหอมและอร่อยมากขึ้น
  3. ตรวจสอบปลาเนื้ออ่อน: เมื่อเลือกปลาที่มีเนื้ออ่อน มักจะทำให้กระบวนการหมักเป็นไปได้ง่ายและปลาร้าเก็บไว้นาน
  4. เลือกปลาที่มีรสชาติที่คุณชื่นชอบ: คุณสามารถเลือกปลาที่มีรสชาติที่คุณชื่นชอบ เช่น ปลาทูน่าจะมีรสเค็มเป็นพิเศษ
  5. ระวังปลาที่มีกลิ่นแรง: หากปลามีกลิ่นแรงมากเกินไป อาจทำให้ปลาร้าที่ทำขึ้นมีกลิ่นเหม็นตามมา
See also  ต้มเล้ง: สูตรอาหารแบบไทยที่อร่อยและเป็นที่นิยม

การเลือกปลาที่ดีเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้ปลาร้าที่ทำขึ้นมีคุณภาพดีและหอมนัวอย่างยิ่ง อย่าลืมทำการตรวจสอบความสดของปลาและเลือกปลาที่ตรงกับความชื่นชอบของคุณเพื่อให้ได้ปลาร้าที่อร่อยที่สุดในทุกครั้งที่ทำเองได้ค่ะ.

วิธีการเตรียมส่วนผสม

วิธีทำปลาร้า อาหารอีสาน - อีสานร้อยแปด

นี่คือตารางสำหรับการเตรียมส่วนผสมในการทำปลาร้า:

ส่วนผสม ปริมาณ
เนื้อปลา (ล้างและทำความสะอาดแล้ว) 1.5 กิโลกรัม
เกลือเม็ด (ตำละเอียด) 350 กรัม
ข้าวไหม้ 5 ทัพพี
เกลือเม็ด (เพิ่มตามจำนวนเนื้อปลา) เพิ่มตามจำนวนเนื้อปลา

กรุณาเพิ่มปริมาณของเกลือเม็ดตามจำนวนเนื้อปลาที่คุณใช้ในกระบวนการทำปลาร้าเพิ่มเติมเพื่อให้สมดุลกับปลาและปรับความเค็มตามความชอบของคุณ.

กระบวนการหมักปลาร้า

วิธีทำปลาร้าหรือ(ป๋าฮ้า)ใส่รำคั่วสูตรป้าเขียวByชีวิตคนบ้านนอก - YouTube

กระบวนการหมักปลาร้าเป็นขั้นตอนสำคัญในการทำให้ปลามีรสชาติหอมนัวและอร่อย เรามาดูกระบวนการหมักปลาร้าในรายละเอียด:

  1. เตรียมเนื้อปลา: สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือเตรียมเนื้อปลาที่คุณเลือกให้มาอยู่ในสภาพที่ดี ล้างปลาให้สะอาดและปราบประโลมกับผ้าทิชชูหรือกระดาษทิชชูเพื่อให้ปลาสะเอียบและแห้งจากน้ำเวลาที่คุณใช้.
  2. หมักเนื้อปลาด้วยเกลือ: ในการหมักปลาร้า เกลือเป็นส่วนสำคัญที่สุด เอาเนื้อปลาที่เตรียมไว้แล้วหวานเกลือให้ทั่วทั้งเนื้อ ใช้ปริมาณเกลือเม็ดตามสูตรที่คุณเลือกไว้ (เพิ่มตามจำนวนเนื้อปลา).
  3. การหมักเนื้อปลา: หลังจากหวานเกลือแล้ว คุณจะนำเนื้อปลามาวางในถังหรือภาชนะที่มีฝาปิด เรียงเนื้อปลาให้แน่นเต็มถัง จากนั้นปิดฝาและประมาณเวลาหมักให้เกิดการหมักไว้โดยประมาณ 3-4 วัน โดยควรเก็บในที่แห้งและไม่มีแสงแดดตรง
  4. การควบคุมอุณหภูมิ: ควรรักษาอุณหภูมิในการหมักที่เหมาะสม อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการหมักปลาร้าอยู่ในช่วง 25-30 องศาเซลเซียส ควบคุมอุณหภูมิได้ด้วยการวางถังหรือภาชนะใกล้พื้นในที่ที่เย็นและไม่รับแสงแดดตรง
  5. การเรียกคืนรสชาติ: หลังจากเวลาหมักผ่านไปตามระยะเวลาที่กำหนด คุณสามารถเปิดฝาถังหรือภาชนะและตรวจสอบปลาร้า เมื่อมีกลิ่นและรสชาติที่ถูกต้องตามความชื่นชอบของคุณ คุณสามารถเรียกคืนปลาร้าออกมาได้
  6. การเก็บรักษา: หลังจากเรียกคืนปลาร้ามาแล้ว คุณสามารถเก็บรักษาในภาชนะที่ไม่ให้แสงแดดเข้าถึงและเก็บไว้ในที่แห้ง ปลาร้าจะยังคงอร่อยและใช้งานได้นานหลายปี
See also  มะม่วงเบา: รู้จักกับผลไม้ที่เป็นที่นิยมในฤดูร้อน

กระบวนการหมักปลาร้าต้องการความรอบรู้และความระมัดระวังในการควบคุมสภาพแวดล้อม อย่างไรก็ตาม การทำปลาร้าเป็นที่น่าสนุกและอร่อยที่สุด คุณสามารถปรับปรุงกระบวนการเพื่อให้ได้รสชาติที่คุณต้องการได้อย่างลงตัว และสร้างปลาร้าที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณเองได้ค่ะ.

ขั้นตอนในการบำรุงและเก็บปลาร้า

สูตร​วิธี​ทำ​ปลาร้าให้หอมนัว​ ทำปลาร้า​กินเอง ครัวต่างแดน​ ​ How​ to make  Fermented Fish - YouTube

ขั้นตอนในการบำรุงและเก็บปลาร้าเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ปลาคงคุณภาพและหอมนัวอย่างยาวนาน นี่คือขั้นตอนที่คุณควรทำ:

  1. การล้างสะอาด: หลังจากการหมักเสร็จสิ้น คุณควรล้างปลาร้าอีกครั้งให้สะอาดโดยใช้น้ำจากสายน้ำหรือน้ำดื่ม ล้างอย่างละเอียดเพื่อเอาออกสารที่เกิดขึ้นจากกระบวนการหมัก
  2. การสะกิดน้ำมัน: หากต้องการปลาร้าที่ไม่มีแสงแดดเข้าถึง คุณสามารถสะกิดน้ำมันหรือมันหรือน้ำมันพืชบนผิวปลาร้าเพื่อป้องกันการเกิดความชื้นและเชื้อรา
  3. การบรรจุในภาชนะที่แน่นหนา: หลังจากการสะกิดน้ำมัน เก็บปลาร้าลงในภาชนะที่มีความแน่นหนาเพื่อป้องกันการเข้าอากาศและความชื้น ควรเลือกภาชนะที่มีฝาปิดแน่นหนามั่นคง
  4. การเก็บในที่แห้งและร่ม: สภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการเก็บปลาร้าคือที่แห้งและมีร่ม เพื่อป้องกันการรับแสงแดดโดยตรงที่อาจทำให้ปลาเน่า
  5. การบำรุงเป็นระยะ: คุณสามารถเปิดภาชนะเพื่อตรวจสอบปลาและสะกิดน้ำมันใหม่หากจำเป็น โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนหรืออากาศมีความชื้นสูง
  6. การเช็ดความชื้น: ความชื้นสามารถทำให้ปลาที่เก็บเน่าได้ ดังนั้นควรเช็ดความชื้นบนภาชนะหรือผิวปลาร้าอย่างสม่ำเสมอ
  7. การเก็บรายเดือน: หากเป็นไปได้ ควรทำการเปิดภาชนะและตรวจสอบปลารายเดือน เพื่อให้แน่ใจว่ายังคงอยู่ในสภาพที่ดี

การบำรุงและเก็บปลาร้าอย่างถูกต้องจะทำให้ปลาร้าคงคุณภาพและสามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน อย่าลืมรักษาสภาพแวดล้อมและความสะอาดเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับปลาของคุณค่ะ.

การใช้ปลาร้าในอาหาร

วิธีทำปลาร้า วิธีหมักปลาร้า ปลาร้าสูตรทำขาย ปลาร้าสูตรโบราณภาคกลาง ปลาร้าปลานิล  - YouTube

การใช้ปลาร้าในอาหารเป็นวิธีที่นับถือมากในอาหารไทย ปลาร้าเป็นส่วนสำคัญของความอร่อยและเสริมรสชาติให้กับอาหาร นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ทางโภชนาการอีกมากมาย เรามาทำความรู้จักวิธีการใช้ปลาร้าในอาหารกันค่ะ

ปลาร้าสามารถใช้ในหลายเมนูต่าง ๆ ทั้งแบบแกง, ผัด, หรือแม้กระทั่งแบบน้ำพริก โดยส่วนใหญ่จะเป็นส่วนผสมที่ใส่เพิ่มรสชาติให้กับอาหาร ปลาร้ามีรสชาติเค็มเข้มข้นและหอมนัว ทำให้อาหารที่เติมปลาร้าเข้าไปมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และอร่อยมากขึ้น

นอกจากนี้ ปลาร้ายังเป็นแหล่งของโปรตีนและสารอาหารอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ โปรตีนช่วยในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ในร่างกาย และปลาร้ายังมีกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ นอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามิน บี 12 และเหล็ก

See also  สาคูเปียกน้ำกะทิ: สาคูเปียก ขนมไทยทำง่าย

ในสรรพคุณอื่น ๆ ของปลาร้า คือความต่างเป็นกิจวิธีในการใช้งาน เราสามารถใช้ปลาร้าเป็นซอสหรือเครื่องปรุงรสอาหารในหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเทศในผัดพริกหรือใส่ในแกง นอกจากนี้ยังมีการนำปลาร้ามาผสมกับส่วนผสมอื่น ๆ เพื่อสร้างรสชาติที่หลากหลายและพิเศษ เช่น ปลาร้าผสมกับมะนาวเป็นการทำน้ำพริกมะนาวที่อร่อยมากขึ้น

การใช้ปลาร้าในอาหารเป็นวิธีที่ทำให้อาหารไทยมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และอร่อยไม่เหมือนใคร มันเสริมรสชาติให้กับอาหารให้คุณภาพและกลิ่นหอมนัวที่คุณต้องการ ไม่ว่าคุณจะเตรียมอาหารแบบไหน อย่าลืมเพิ่มปลาร้าเพื่อเพิ่มรสชาติและความอร่อยให้กับมื้ออาหารของคุณนะคะ.

ข้อควรระวังในการทำปลาร้า

วิธีทำปลาร้าปลากระดี่ #วิธีหมักปลาร้าไว้ใส่ส้มตำใส่แกงหรือทำปลาร้าบอง #วิธีถนอมอาหาร  - YouTube

การทำปลาร้าเป็นกระบวนการที่ต้องระวังและมีขั้นตอนที่ควรปฏิบัติอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่คุณคาดหวัง นี่คือข้อควรระวังในการทำปลาร้า:

  1. คุณภาพของปลา: เลือกปลาที่มีคุณภาพดีและสดใหม่ เพราะปลาที่ไม่ดีอาจทำให้ปลาร้ามีรสชาติไม่ดีและเสี่ยงต่อการเน่า
  2. สภาพแวดล้อม: รักษาสภาพแวดล้อมที่แห้งและเย็นเพื่อป้องกันการเป็นเชื้อราและการทำให้ปลาร้าเน่า
  3. ปริมาณเกลือ: ระวังในการใส่ปริมาณเกลือเม็ด ควรปรับปริมาณให้เหมาะสมกับปลา เกลือมากเกินไปอาจทำให้ปลาร้าเค็มมากเกินไป
  4. อุณหภูมิ: ควรควบคุมอุณหภูมิขณะหมักปลาร้าให้เหมาะสม อุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไปอาจทำให้ปลาร้าไม่คงคุณภาพ
  5. การเปิดตรวจสอบ: ควรตรวจสอบปลาร้าเป็นระยะเพื่อตรวจสอบสภาพและสิ่งแปลกปลอมที่อาจเกิดขึ้น
  6. การเช็ดความชื้น: ควรเช็ดความชื้นบนภาชนะหรือผิวปลาร้าอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการเกิดความชื้นที่อาจทำให้ปลาร้าเน่า

การระวังและปฏิบัติตามข้อควรระวังนี้จะช่วยให้คุณสร้างปลาร้าที่คุณคาดหวังได้ และรับประทานได้อย่างอร่อยและปลอดภัยของคุณค่ะ.

สรุป

การทำปลาร้าเป็นกระบวนการที่ท้าทายแต่น่าสนุก ปลาร้าที่ถูกหมักอย่างถูกต้องและถูกบรรจุรักษาอย่างดีสามารถให้ประสบการณ์ทานอาหารที่อร่อยและคุณภาพได้อย่างยาวนาน การรักษาสภาพแวดล้อมและความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญในการทำปลาร้า อย่าลืมเลือกปลาที่มีคุณภาพดีและปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ปลาร้าที่อร่อยและปลอดภัยที่สุด

FAQs

ปลาร้าเหมาะกับอาหารไหนบ้าง?

ปลาร้าเหมาะกับอาหารไทยหลายชนิด เช่น แกง, ผัด, หรือน้ำพริก โดยส่วนใหญ่จะใช้เป็นส่วนผสมในอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติและความหอมนัว.

ปลาร้าสามารถเก็บไว้นานแค่ไหน?

ถ้าเก็บรักษาในสภาพที่แห้งและเย็นอย่างดี ปลาร้าสามารถเก็บไว้นานหลายปีได้.

มีวิธีชนิดใดในการใช้ปลาร้าในอาหารโดยไม่ทำให้อาหารมีกลิ่นแรง?

ควรควบคุมปริมาณปลาร้าที่ใส่ในอาหาร และไม่ควรใส่มากเกินไป เพื่อป้องกันการมีกลิ่นแรงในอาหาร.

ปลาที่เหมาะสมสำหรับทำปลาร้าคือปลาชนิดใด?

ปลาที่มีเนื้ออ่อนและไม่มีกลิ่นเหม็นมาก เช่น ปลากระป๋องหรือปลาทูน่าเหมาะสม.

การเลือกเกลือในการหมักปลาร้าควรใช้เกลือชนิดใด?

ควรใช้เกลือเม็ดที่ละเอียด และไม่มีสารเติมใด ๆ เพื่อประสิทธิภาพในกระบวนการหมัก.